วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อดีตหัวเรือ “HTC” หันเปิดบริษัทขายรถสกูตเตอร์ไฟฟ้า

สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า มาเปลี่ยนแบตเตอรี่แล้วขับต่อไปได้เลย
        สองอดีตผู้บริหาร HTC เปิดตัวรถสกูตเตอร์ไฟฟ้าแนวคิดใหม่ในตลาดไต้หวัน โดยมีจุดเด่นคือ ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาชาร์จแบตเตอรี่เองอีกต่อไป เมื่อแบตเตอรี่หมดก็สามารถเข้าไปเปลี่ยนได้ที่ศูนย์บริการ และขับต่อไปได้เลย

อดีตหัวเรือ “HTC” หันเปิดบริษัทขายรถสกูตเตอร์ไฟฟ้า
       ยี่ห้อของสกูตเตอร์ไฟฟ้าคือ โกโกโระ (Gogoro) โดยจะเปิดให้พรีออเดอร์กันในวันที่ 27 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ซึ่งหากพิจารณาจากจำนวนประชากรในปัจจุบันของเกาะไต้หวันซึ่งมีประมาณ 23 ล้านคนนั้น จะพบว่า มีจำนวนผู้ใช้รถจักรยานยนต์สูงถึง 15 ล้านคัน สะท้อนให้เห็นว่าความสะดวกรวดเร็วในการสัญจรบนเกาะดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผู้คนบนเกาะให้ความสำคัญอย่างมาก
       
       อย่างไรก็ดี แนวคิดของบริษัทเรื่องการส่งแบตเตอรี่ที่ใช้หมดแล้วให้ทางศูนย์บริการ (ซึ่งทางผู้บริหารระบุว่า ตอนนี้มีอยู่ทั่วประเทศแล้ว) นำกลับไปชาร์จใหม่ ส่วนผู้ใช้ก็เดินทางต่อไปได้เลยด้วยแบตเตอรี่ลูกใหม่ยังเป็นประเด็นที่น่าติดตามในเรื่องของการบริหารจัดการ และค่าใช้จ่าย โดยทางบริษัทมีโปรโมชันให้ผู้ซื้อสามารถเข้ามาเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้ที่ศูนย์บริการแบบไม่จำกัดจำนวนครั้งตลอดระยะเวลา 2 ปีหลังการซื้อ แต่คำถามก็คือ หากหมดช่วงเวลาโปรโมชันแล้ว ค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนแบตเตอรี่จะอยู่ที่เท่าใดนั่นเอง ซึ่งหากแพงกว่าเชื้อเพลิงประเภทอื่นๆ ก็อาจเป็นไปได้ว่าสกูตเตอร์ดังกล่าวจะประสบความสำเร็จได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น
       
       ที่สำคัญนี่ยังเป็นหนทางเดียวในการชาร์จแบตเตอรี่อีกด้วย ผู้บริโภคไม่สามารถเอากลับไปชาร์จที่บ้านของตัวเองได้แต่อย่างใด
       
       ส่วนโปรโมชันอื่นๆ ที่มาพร้อมกันก็คือ ประกันภัยจากการถูกโจรกรรมนาน 1 ปี และฟรีค่าบำรุงรักษาอีก 2 ปี
       
       สำหรับการสิ้นเปลืองพลังงานนั้น ด้วยแบตเตอรี่ 2 ลูก สกูตเตอร์ไฟฟ้าคันนี้สามารถวิ่งได้ไกลประมาณ 97 กิโลเมตรเลยทีเดียว
       
       Horace Luke ผู้บริหารของ Gogoro เผยว่า บริษัทของเขาต้องการเป็นบริษัทตัวอย่างของการใช้พลังงาน และการพัฒนายานพาหนะที่ชาญฉลาด
       
       สำหรับการเปิดตัวสกูตเตอร์ไฟฟ้าในครั้งนี้ สองผู้บริหารได้รับเงินสนับสนุนจากนักลงทุนไต้หวันเป็นเงิน 150 ล้านเหรียญสหรัฐ 


ที่มา: http://manager.co.th/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น