วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2558

การสร้างโฟลเดอร์ บน Google Drive New Foldor For Google Drive



เยี่ยมชมเป็นกำลังใจและติดตามเราได้ที่ https://www.facebook.com/itnaru และ http://itknl.blogspot.com/

Google Drive เป็นพื้นที่ให้บริการจัดเก็บข้อมูลออนไลน์ หรือ Cloud กรณีลืมพวกเฟชไดร์ฟ ต่างๆ ก็ยังมีตัวช่วยที่เราสามารถเข้าถึงข้อมูลของเราได้ทุกที่ทุกเวลาที่มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ในคลิปแรกนี้แนะนำการสร้าง โฟลเดอร์ บน Google Drive มีวิธีการสร้าง 2 วิธี คือ

วิธีที่ 1 มีขั้นตอน ดังนี้  1.1 คลิกปุ่ม ใหม่  1.2 คลิกเลือกที่คำสั่ง โฟลเดอร์ 1.3 พิมพ์ชื่อโฟลเดอร์ตามความต้องการ  1.4 คลิกปุ่มสร้าง

วิธีที่ 2 มีขั้นตอน ดังนี้  2.1 คลิกขวาบนพื้นที่ไดร์ฟของเรา 2.2 คลิกที่คำสั่ง โฟลเดอร์ใหม่... 2.3 พิมพ์ชื่อโฟลเดอร์ตามความต้องการ 2.4 คลิกปุ่ม สร้าง

เท่านี้เราก็ได้โฟลเดอร์ไว้เก็บไฟล์งานต่างๆ บน Google Drive แล้วครับ...


วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

โทรศัพท์มือถือหาย? เสิร์ชหาบน Google ได้เลย!

โทรศัพท์หาย? เสิร์ชหาบน Google ได้เลย!
        ข่าวดีสำหรับผู้ใช้อุปกรณ์ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) เพราะนับแต่นี้หากใครพลาดทำอุปกรณ์สูญหายหรือถูกขโมย ก็จะสามารถค้นหาพิกัดที่อยู่ของอุปกรณ์นั้นได้แสนง่ายด้วยการเสิร์ชบน Google.com
       
       ความสามารถในการค้นหาอุปกรณ์แอนดรอยด์ที่สูญหายนี้เป็นคุณสมบัติใหม่สำหรับชาวแอนดรอยด์ที่กูเกิลประกาศเมื่อวันพุธที่ 15 เมษายน 2015 ตามเวลาสหรัฐฯ โดยระบุว่าเสิร์ชเอนจิ้นของกูเกิลสามารถใช้ค้นหาอุปกรณ์แอนดรอยด์ที่สูญหายได้แล้วด้วยการพิมพ์คำว่า “find my phone” 
โทรศัพท์หาย? เสิร์ชหาบน Google ได้เลย!
        กูเกิลระบุว่าเพียงพิมพ์คำว่า “find my phone” บนช่องสำหรับค้นหาหรือ Google search bar ผลลัพท์ที่ได้จะปรากฏเป็นแผนที่บอกพิกัดตำแหน่งล่าสุดที่พบโทรศัพท์ โดยผู้ใช้สามารถเลือกโทรเข้าโทรศัพท์มือถือตัวเองจากเพจกูเกิลได้โดยตรง ซึ่งจะทำให้การค้นหาสมาร์ทโฟนที่หากไปทำได้ง่ายยิ่งขึ้น
       
       อย่างไรก็ตาม คุณสมบัตินี้จะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อมีการลงชื่อใช้งานบัญชีกูเกิลเดียวกันในโทรศัพท์มือถือและบนคอมพิวเตอร์ โดยผู้ใช้สามารถใช้งานได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและบนอุปกรณ์พกพาผ่านแอปพลิเคชันค้นหาข้อมูลของกูเกิล

ที่มา: http://manager.co.th/CyberBiz

รู้ยัง แอนดรอยด์ทุกเครื่องจะมีระบบ Handwriting Recognition แล้วนะ

รู้ยัง แอนดรอยด์ทุกเครื่องจะมีระบบ Handwriting Recognition แล้วนะ
        เอาใจคนชอบเขียน กูเกิลรีเสิร์ช (Google Research) เปิดตัวผลงานสุดล้ำ “Google Handwriting Input” เครื่องมือสำหรับช่วยแปลการเขียนด้วยมือให้เป็นตัวอักษร โดยรองรับได้ถึงอิโมจิ (Emoji) ทั้งหลาย เช่น เครื่องหมายยิ้ม :) หรือเครื่องหมายยิ้มแบบขยิบตาข้างหนึ่ง ;) ได้ด้วย
       
       สำหรับ Google Handwriting Input นี้รองรับได้ถึง 82 ภาษา ซึ่งกรณีที่ผู้เขียนลายมืออ่านออกยาก หรือพยายามเขียนอิโมจิยากๆ ระบบก็ยังอัจฉริยะพอที่จะจัดการกับไอคอนเหล่านี้ได้เช่นกัน
       
       แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่กูเกิลพยายามสร้างความแปลกใหม่ให้แก่ระบบการจดจำภาษามือ หรือ Handwriting Recognition แต่นี่อาจเป็นครั้งแรกที่กูเกิลเปิดระบบซัปพอร์ตการเขียนด้วยภาษามือให้ใช้งานบนแพลตฟอร์มแอนดรอยด์ โดยผู้ที่ใช้แอนดรอยด์ 4.0.3 ขึ้นไป สามารถใช้งานเครื่องมือดังกล่าวนี้ได้ทั้งสิ้น (ก่อนหน้านี้ กูเกิลเคยเปิดให้ใช้งานฟังก์ชันการจดจำลายมือบน Google Translate App และสามารถใช้บนระบบเสิร์ชของอุปกรณ์โมบายล์ผ่าน Google Input Tool)
       
       หากเป็นการพิมพ์ในภาษาอังกฤษ แป้นพิมพ์ทั่วไปคงฉลาดพอที่จะอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้งานได้ แต่กรณีของประเทศในแถบเอเชียซึ่งมีโครงสร้างภาษาแตกต่างจากภาษาของชาติตะวันตก การใช้คีย์บอร์ดกลายเป็นสิ่งที่สร้างความยากลำบากให้การพิมพ์ไม่มากก็น้อย ยกตัวอย่างเช่น การพิมพ์ภาษาจีน หรือภาษาอาหรับ หรือกระทั่งภาษาไทย ดังนั้น ประโยชน์มหาศาลที่จะเกิดหลังจากเครื่องมือดังกล่าวเปิดให้ใช้งานก็คือ การป้อนข้อมูลเข้าระบบจะทำได้สะดวกมากขึ้น
       
       สนใจเข้าไปเยี่ยมชมแอปดังกล่าวได้ที่ https://play.google.com/store/apps/details?id=com.google.android.apps.handwriting.ime 

ที่มา: http://manager.co.th/CyberBiz

ทดลองใช้สมาร์ทวอตช์ของแอปเปิล “แอปเปิลวอตช์ (Apple Watch)

สื่อนอกยก “Apple Watch” สมาร์ทวอตช์ดีที่สุด (ยกเว้นเรื่องแอปฯ)
        ก่อนการเปิดจองอย่างเป็นทางการ 10 เมษายน 2015 สื่อต่างประเทศพร้อมใจรายงานผลการทดลองใช้สมาร์ทวอตช์ของแอปเปิล “แอปเปิลวอตช์ (Apple Watch)” โดยหลายสำนักยกตำแหน่ง “สมาร์ทวอตช์ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยใช้งานมา” ให้ แต่ก็มีตั้งข้อสังเกตว่า แอปเปิลวอตช์สามารถทำงานได้ดีทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องแอปพลิเคชัน ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักของนาฬิกา 
สื่อนอกยก “Apple Watch” สมาร์ทวอตช์ดีที่สุด (ยกเว้นเรื่องแอปฯ)
        แม็ต วอร์แมน (Matt Warman) นักข่าวของสื่ออังกฤษอย่างเทเลกราฟ (The Telegraph) คือหนึ่งในผู้ให้ตำแหน่ง“สมาร์ทวอตช์ที่ดีที่สุดที่เคยใช้งานมา”แก่แอปเปิลวอตช์ โดยระบุว่า แอปเปิลวอตช์เป็นนาฬิกาไฮเทคเรือนแรกที่แม็ต พยายามเตือนตัวเองให้แน่ใจว่าสวมนาฬิกาเรือนนี้ไว้ตลอดเวลา ซึ่งการใช้งานตลอดเวลานี้ก็ไม่ได้ทำให้แบตเตอรี่ของเครื่องหมดลงอย่างที่กังวล
       
       อย่างไรก็ตาม แม็ต ไม่ฟันธงว่าการควักกระเป๋าซื้อแอปเปิลวอตช์รุ่นแรกเป็นการกระทำที่คุ้มค่า เนื่องจากแม้ความสวยงามของเรือนนาฬิกา และความสะดวกสบายที่ได้รับจะอัดแน่นเต็มเปี่ยม แต่ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ตอกย้ำว่าสินค้าไอทีรุ่น 2 หรือ 3 จะมีประสิทธิภาพเหนือกว่า 
สื่อนอกยก “Apple Watch” สมาร์ทวอตช์ดีที่สุด (ยกเว้นเรื่องแอปฯ)
        สำหรับการแจ้งเตือนข้อมูลจากนาฬิกา นักข่าวเทเลกราฟยกย่องว่า แอปเปิลวอตช์สามารถกรองข้อมูล และช่วยให้ผู้ใช้สะดวกสบายมากขึ้นเพราะไม่ต้องง่วนต่อการตรวจข้อมูลใหม่ในโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา
       
       คำชมนี้ได้รับความเห็นดีเห็นงามด้วยจาก Geoffrey A Fowler แห่งวอลสตรีท เจอร์นอล (Wall Street Journal) ซึ่งยอมรับว่า แอปเปิลวอตช์ช่วยให้งานหลายอย่างสำเร็จง่ายขึ้นเพราะหน้าจอจิ๋วบนข้อมือที่ใช้งานได้เร็วทันใจ ขณะเดียวกัน ความสามารถในการตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจ และการเปิดให้ชำระเงินด้วยสมาร์ทวอตช์ก็ช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้นอย่างน่าประทับใจ
       
       สิ่งที่วอลสตรีท เจอร์นอล ยกให้เป็นประสบการณ์น่าผิดหวังที่สุดคือ แอปพลิเคชัน โดยก่อนหน้านี้ แอปเปิลยืนยันว่าแอปพลิเคชันสำหรับ Apple Watch นั้นมีจำนวนมากกว่า 1,000 แอป แต่ปรากฏว่า มีเพียง 40 แอปพลิเคชันเท่านั้นที่พร้อมให้ทดสอบในขณะนี้ 
สื่อนอกยก “Apple Watch” สมาร์ทวอตช์ดีที่สุด (ยกเว้นเรื่องแอปฯ)
        นักข่าวจากเดอะเวิร์จ (The Verge) อย่าง Nilay Patel ยกให้แอปเปิลวอตช์เป็น “หนึ่งในสินค้าที่มีความพยายามมากที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา” เนื่องจากแอปเปิลวอตช์ ต้องการเปลี่ยนวิถีการใช้งานเทคโนโลยีของผู้ใช้อย่างเห็นได้ชัด
       
       อย่างไรก็ตาม เดอะเวิร์จ ตั้งข้อสังเกตว่าความพยายามนี้เองที่ทำให้แอปเปิลวอตช์ตายน้ำตื้นเรื่องแอปพลิเคชัน เนื่องจากการเปิดแอปพลิเคชันบนแอปเปิลวอตช์นั้นใช้เวลาค่อนข้างนาน จุดนี้แอปเปิลรู้ตัวดี และยืนยันว่า พร้อมแก้ไขปัญหาด้วยการอัปเดทซอฟต์แวร์ เพื่อให้แอปพลิเคชันจากผู้ผลิตรายอื่นสามารถบูตได้เร็วขึ้นในอนาคต 
สื่อนอกยก “Apple Watch” สมาร์ทวอตช์ดีที่สุด (ยกเว้นเรื่องแอปฯ)
        Joshua Topolsky แห่งบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ผู้สวมแอปเปิลวอตช์อาจกลายเป็นคู่ร่วมรับประทานอาหารยอดแย่เพราะมัวแต่สนใจหน้าจอจิ๋วบนข้อมือ แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง แอปเปิลวอตช์ อาจทำให้เหตุการณ์ลักษณะนี้ไม่เกิดขึ้น เนื่องจากผู้สวมแอปเปิลวอตช์ จะไม่ต้องพะวง หรือคอยตรวจว่าข้อมูลใหม่บนสมาร์ทโฟนเป็นข้อมูลที่สำคัญหรือไม่อีกต่อไป แต่สามารถรออ่านเฉพาะข้อความแจ้งเตือนบนหน้าปัดนาฬิกาตามที่ได้ตั้งค่าไว้เท่านั้น
       
       นักข่าวบลูมเบิร์ก ยังเชื่อมั่นว่า แอปเปิลจะสามารถจำหน่ายแอปเปิลวอตช์ได้หลายล้านเครื่อง และสาวกจะชื่นชอบสินค้าใหม่ของแอปเปิลเหมือนเคย ทั้งหมดนี้จะนำไปสู่ระบบนิเวศทางเศรษฐกิจ หรือ ecosystem ในภาพใหญ่อย่างที่แอปเปิลทำสำเร็จมาแล้ว เนื่องจากแอปเปิลวอตช์คือ สมาร์ทวอตช์ที่ดีที่สุดในโลกขณะนี้

ที่มา: http://manager.co.th/CyberBiz

เผย “ซัมซุง” ตั้งทีมพิเศษรับมือออเดอร์หน้าจอจากแอปเปิล

เผย “ซัมซุง” ตั้งทีมพิเศษรับมือออเดอร์หน้าจอจากแอปเปิล
        พบซัมซุง (Samsung) ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของโลกตั้งทีมเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้าพิเศษอย่าง “แอปเปิล” (Apple) ถึง 200 คน โดยทีมดังกล่าวจะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่การสั่งซื้อหน้าจอของแอปเปิลโดยเฉพาะ
       
       สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานถึงการตั้งทีมพิเศษของซัมซุงในครั้งนี้ โดยระบุว่า ทีมดังกล่าวถูกตั้งขึ้นเพื่อดูแลลูกค้ารายใหญ่อย่างแอปเปิลในกรณีการสั่งซื้อหน้าจอสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่า เป็นหน้าจอสำหรับผลิตภัณฑ์อย่างแมคบุ๊ก และไอแพดนั่นเอง
       
       สำหรับการทำงานของทีมจะเป็นการทำงานแบบ Standalone และให้การดูแลอย่างใกล้ชิด แต่สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมของทีมนั้นยังไม่มีการเปิดเผยใดๆ
       
       การแข่งขันด้านยอดขายสมาร์ทโฟนระหว่างแอปเปิล กับซัมซุงอาจไม่ใช่บทสรุปของทุกอย่าง เพราะในอีกด้าน แอปเปิล ได้กลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ในการสั่งซื้อชิ้นส่วนจากซัมซุง โดยเฉพาะหน้าจอสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของทางค่าย ซึ่งไม่เพียงแต่ซัมซุงเท่านั้นที่มีรายงานการเปิดทีมพิเศษขึ้นมาเพื่อดูแลลูกค้ารายใหญ่อย่างแอปเปิลโดยเฉพาะ แต่แอลจี (LG) บริษัทสัญชาติเดียวกันกับซัมซุงก็มีรายงานว่า ตั้งทีมพิเศษขึ้นมาเพื่อการนี้เช่นกัน
       
       โดยทั้งคู่กลายเป็นคู่แข่งในการชิงยอดสั่งซื้อหน้าจอจากแอปเปิล แถมมีแนวโน้มว่า แอลจีอาจมีโอกาสชนะสูงกว่า เนื่องจากแอลจีมีสายการผลิตหน้าจอแบบ IGZO แล้ว 

ที่มา: http://manager.co.th/CyberBiz

ไอโฟนจะถ่ายภาพได้แบบกล้อง D-SLR!!

ไอโฟนจะถ่ายภาพได้แบบกล้อง D-SLR!!
        แอปเปิล (Apple) ซื้อบริษัทสัญชาติอิสราเอล “LinX” ซึ่งเป็นผู้พัฒนาโมเดลกล้องขนาดจิ๋วที่สามารถถ่ายภาพพร้อมเอฟเฟกต์แบบหน้าชัดหลังเบลอร์ได้ โดยดีลดังกล่าวมีมูลค่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐ
       
       ปฏิเสธไม่ได้ว่า การซื้อกิจการบริษัทที่น่าสนใจเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรแอปเปิลเกิดขึ้นค่อนข้างบ่อยในปัจจุบัน ล่าสุดก็คือ LinX สตาร์ทอัปผู้พัฒนาอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์อย่างกล้องดิจิตอลสำหรับสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตรายนี้ ซึ่งความสามารถของกล้องจาก LinX ไม่เพียงแต่ถ่ายภาพในลักษณะหน้าชัดหลังเบลอร์ได้เหมือนที่กล้องแบบ D-SLR สามารถทำได้ แต่ยังถ่ายภาพในที่ที่มีแสงน้อยอย่างช่วงเวลากลางคืน หรือถ่ายภาพในที่ร่มได้มีประสิทธิภาพกว่า และไม่ต้องใช้แฟลชอีกด้วย
       
       นอกจากนั้น กล้องจาก LinX ยังรวมความสามารถในการถ่ายภาพสามมิติ และเทคโนโลยีอื่นๆ เอาไว้อีกมากมาย ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัทหนีไม่พ้นผู้ผลิตแท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน แต่การถูกซื้อกิจการโดยแอปเปิลย่อมหมายความว่า ในอนาคตอันใกล้ สมาร์ทโฟนเลื่องชื่ออย่าง ไอโฟน รวมถึงไอแพด อาจได้ความสามารถใหม่ๆ มาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้แก่ผู้ซื้อนั่นเอง
       
       อย่างไรก็ดี จากการรายงานของ TechCrunch ยังพบว่า แผนของแอปเปิลสำหรับการนำเทคโนโลยีจาก LinX มาใช้งานนั้นไม่จำกัดเฉพาะแค่สมาร์ทโฟนของทางค่าย แต่อาจรวมถึงโปรดักต์อย่างแมคบุ๊ก (MacBook) ด้วย

ที่มา:- http://manager.co.th/CyberBiz

IKEA พร้อมขายเฟอร์นิเจอร์”ชาร์จไร้สาย”ในสหรัฐฯกลางปีนี้ (ชมภาพ)

IKEA พร้อมขายเฟอร์นิเจอร์”ชาร์จไร้สาย”ในสหรัฐฯกลางปีนี้ (ชมภาพ)
        เฟอร์นิเจอร์พร้อมระบบชาร์จไร้สายหรือ wireless charging furniture กำลังกลายเป็นกระแส
ที่โลกออนไลน์จับตาใกล้ชิด โดยล่าสุดเจ้าพ่อแบรนด์เฟอร์นิเจอร์จากสวีเดนอย่างอิเกีย (IKEA)
ประกาศพร้อมส่งเฟอร์นิเจอร์ติดตั้งระบบชาร์จไร้สายไปวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาช่วงฤดูใบไม้ผลิ
กลางปีนี้

       
       คำประกาศนี้ของอิเกียเป็นสัญญาณว่าการเป็นเจ้าของอุปกรณ์พกพาจำนวนมากทำให้ผู้ใช้ตามบ้านต้องการ
จัดระเบียบสายไฟและสายส่งข้อมูลสุดวุ่นวาย โดยระบบชาร์จไร้สายในเฟอร์นิเจอร์จะทำให้การใช้งานอุปกรณ์
เหล่านี้ทำได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันก็ทำให้บ้านดูสวยงามเรียบร้อย 
IKEA พร้อมขายเฟอร์นิเจอร์”ชาร์จไร้สาย”ในสหรัฐฯกลางปีนี้ (ชมภาพ)
        รายงานระบุว่าอิเกียแบ่งสินค้าเฟอร์นิเจอร์ชาร์จไร้สายออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือเฟอร์นิเจอร์ที่ฝัง
ระบบชาร์จไร้สายไว้ภายใน เช่น โคมไฟซึ่งมีราคาตั้งแต่ 60-120 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,000-4,000 บาท 
IKEA พร้อมขายเฟอร์นิเจอร์”ชาร์จไร้สาย”ในสหรัฐฯกลางปีนี้ (ชมภาพ)
        กลุ่มที่ 2 คือแท่นชาร์จไร้สายซึ่งมีหลายขนาดให้เลือกตามจำนวนพื้นที่สำหรับการชาร์จ
โดยแท่นเหล่านี้จะมาพร้อมดีไซน์เรียบหรูสไตล์อิเกีย ขณะเดียวกันก็มีพอร์ต USB สำหรับชาร์จ
อุปกรณ์อื่นได้ด้วย สนนราคา 28-65 เหรียญ (ราว 900-2,000 บาท)
 
IKEA พร้อมขายเฟอร์นิเจอร์”ชาร์จไร้สาย”ในสหรัฐฯกลางปีนี้ (ชมภาพ)
        กลุ่มที่ 3 คือชุดอุปกรณ์ชาร์จไร้สายสำหรับนำไปติดตั้งบนเฟอร์นิเจอร์ของตัวเอง จุดนี้อิเกียอำนวย
ความสะดวกเต็มที่ด้วยการจัดจำหน่ายสว่านเจาะช่องและกระบอกติดตั้งเพื่อซ่อนสายไฟของระบบชาร์จไร้สาย
ทั้งหมดนี้ยังไม่มีรายงานการจำหน่ายในประเทศไทย

ที่มา: http://manager.co.th/cyberbiz

วันจันทร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2558

10 สุดยอด “Google Trick” เพื่อการศึกษา

10 สุดยอด “Google Trick” เพื่อการศึกษา

คิดอะไรไม่ออกบอก 'อากู๋ (Google)' อีกหนึ่งออปชั่นเพื่อการศึกษาที่เรียกได้ว่าจำเป็นและสำคัญมากๆ ในยุคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับน้องๆ นักเรียนนักศึกษาที่กำลังอยู่ในวัยเรียน ที่ต้องใช้ Google เป็นเครื่องในการค้นหาที่มีประสิทธิภาพที่สุด เพียงแค่พิมพ์คำสำคัญไม่กี่คำข้อมูลต่างๆ ที่เราอยากทราบก็จะมาปรากฎอยู่ตรงหน้าจอแล้ว แม้จะเป็นการค้นหาที่ง่ายมากๆ แต่ใครจะรู้ว่า Google ยังมีทริกดีๆ ที่หลายคนยังไม่รู้!!! และนี่คือ 10 เทคนิคดีๆ ในการเซิร์ทกูลเกิ้ล สำหรับนักเรียนนักศึกษาทุกประเภท อยากรู้ว่ามีอะไรบ้างตาม Life on campus มาเลย...
 
  • 16/16  รูป

คิดอะไรไม่ออกบอก 'อากู๋ (Google)' อีกหนึ่งออปชั่นเพื่อการศึกษาที่เรียกได้ว่าจำเป็นและสำคัญมากๆ ในยุคนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับน้องๆ นักเรียนนักศึกษาที่กำลังอยู่ในวัยเรียน ที่ต้องใช้ "Google" เป็นเครื่องในการค้นหาที่มีประสิทธิภาพที่สุด เพียงแค่พิมพ์คำสำคัญไม่กี่คำข้อมูลต่างๆ ที่เราอยากทราบก็จะมาปรากฎอยู่ตรงหน้าจอแล้ว แม้จะเป็นการค้นหาที่ง่ายมากๆ แต่ใครจะรู้ว่า Google ยังมีทริกดีๆ ที่หลายคนยังไม่รู้!!! และนี่คือ 10 เทคนิคดีๆ ในการใช้Google Search สำหรับนักเรียนนักศึกษาทุกประเภท อยากรู้ว่ามีอะไรบ้างตาม Life on campus มาเลย...
1. การระบุให้ค้นเฉพาะภายใน 'domain' ที่ต้องการเท่านั้น 

ให้ใส่ “site” ไว้หน้าข้อความค้นหาของคุณ “site:” หากคุณทราบว่าคุณต้องการคำตอบจากภายในไซต์ใดไซต์หนึ่งโดยเฉพาะหรือไซต์บางประเภท (.org, .edu) เช่น ถ้าคุณต้องการหาเว็บเกี่ยวกับการเข้า (admission) มหาวิทยาลัย Stanford ให้พิมพ์ “admission site:www.stanford.edu” 
2. ค้นหางานวิจัยมหาวิทยาลัย

ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเรียนหรือนักเขียน อีกหนึ่งเคล็ดลับดีๆ ที่ google สามารถช่วยคุณในการค้นหางานวิจัยจากมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้นั่นก็คือ เพียงแค่พิมพ์ “site:edu” และตามด้วยสิ่งที่คุณต้องการจะหา เช่น หากคุณต้องการผลงานวิจัยเรื่องอาหารและโภชนาการจาก มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ด ทั้งหมดก็ให้พิมคำว่า “harvard:edu diet” เพียงเท่านี้ผลงานวิจัยที่ดีที่สุดจากมหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดก็จะมาปรากฎต่อหน้าคุณทันที
3. เลือกประเภทของไฟล์ (file type)

ข้อนี้มีประโยชน์มากสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการค้นคว้าหาข้อมูลในการทำรายงาน เพราะเราสามารถระบุประเภทของไฟล์ได้เลย ทำให้ค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยใส่ประเภทของไฟล์ระบุไปท้ายคำค้นหา ไม่ว่าจะเป็นpdf, ppt, xls, Google Earth, doc, rtf และอื่นๆ เช่น ถ้าเราต้องการค้นหาประวัติศาสตร์ไทย ในรูปแบบของไฟล์ppt ให้เซิร์ทว่า “Thai history:ppt” เป็นต้น

4. ใช้ 'คำเชื่อม' หรือ 'เครื่องหมายสัญลักษณ์' ค้นข้อมูลได้ง่ายขึ้น
“OR” (หรือ) ในกรณีที่ต้องการให้ค้นคำใดคำหนึ่งก็ได้ แล้วนำผลมารวมกัน วิธีใช้ พิมพ์ OR ด้วยตัวใหญ่ระหว่างคำที่ต้องการ เช่น university london OR paris คือหาทั้งใน London และ Paris 
“ + ” (เครื่องหมายบวก) เชื่อมคำ โดยปกติโปรแกรมจะไม่ค้นคำประเภท commond word เช่น a, an, the, what, when, why ตัวเลขหรือตัวอักษรเดี่ยว แต่ถ้าต้องการบังคับให้ค้น จะต้องใส่เครื่องหมาย +นำหน้า เช่น star war episode +I
“__” (เครื่องหมายคำพูด) เพื่อเป็นการบังคับให้โปรแกรมค้นหาแบบทั้งวลี เช่น “study guide”
“ * ” (เครื่องหมายดอกจัน) ใช้เครื่องหมาย “ * ” เพื่อค้นหาคำที่มีการสกดคล้ายกัน เช่น smok*
หมายความว่า ให้ค้นหาคำทั้งหมดที่ขึ้นด้วย 5 ตัวอักษรแรก เช่น smoke smoker เป็นต้น ข้อมูลที่ออกมาจากการสืบค้นจะเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับรากศัพท์คำนั้น ทั้งหมด หรือใช้กับคำหรือวลีที่อยู่ภายในเครื่องหมายคำพูดเพื่อระบุคำที่ไม่รู้จักหรือตัวแปร เช่น “imagine all the * living for today” หรือ “* is thicker than water” เป็นต้น
“ ~ ” (tilde) สำหรับการค้นคำพ้อง เช่น ~anthropologist ผลการค้นจะได้ทั้ง anthropologist (นักมานุษยวิทยา) และ archaeonologist (นักโบราณคดี)
“ - ” (เครื่องหมายลบ) ใช้เครื่องหมาย " - " เพื่อจำกัดคำบางคำออกไปที่คุณไม่ได้สนใจออกไปจากคำหรือวลีที่คุณทำการสืบค้นโดยใส่เครื่องหมายลบ ไว้ด้านหน้าคำที่ไม่ต้องการ เช่น ต้องการหาคำว่า “จากัว” ที่ไม่ใช่รถ ให้พิมพ์ว่า“jaguar -car” 
5. ค้นบทความทางวิชาการ หนังสือ วารสาร และสิทธิบัตร
 
-GOOGLE Search Engine (ค้นเว็บไซต์) ---> http://www.google.com 
-GOOGLE Scholar (ค้นบทความวิชาการ)---> http://scholar.google.com 
-GOOGLE Book Search (ค้นหนังสือ) ---> http://books.google.com 
-GOOGLE Patent Search (ค้นสิทธิบัตร) ---> http://www.google.com/patents
6. ค้นหารูปภาพใน Googleโดยใช้ภาพ

โดยปกติแล้วการค้นหารูปภาพจาก google ทำได้ง่ายๆ เพียงแต่เราพิมคำ หรือวลี ลงไปในช่องค้นหาเท่านั้น โปรแกรมก็จะค้นหารูปภาพให้ตรงหรือใกล้เคียงกับคำ หรือวลี ตามที่เราต้องการ แต่การค้นหารูปภาพด้วยคำ หรือวลี ก็อาจจะได้รูปภาพที่ไม่ตรงกับความต้องการก็ได้ อีกหนึ่งทริกที่ google สามารถช่วยให้เราค้นหารูปได้อย่างง่ายดายโดยการ “ค้นรูปจากรูป” (Search by Image) ในกรณีที่เราต้องการภาพที่ใกล้เคียงกับภาพที่เรามีอยู่ แต่ต้องการขนาด และความละเอียดที่มากขึ้นนั่นเอง สามารถทำได้ 2 วิธี คือ
วิธีที่ 1
เมื่อเข้าเว็บไซต์ของ Google (http://www.google.co.th) คลิกที่เมนูด้านบน "ค้นรูป" ในช่องค้น ด้านขวามือ ให้คลิกที่ รูปกล้องถ่ายภาพ (ค้นด้วยภาพ) จะมีหน้าต่าง "ค้นด้วยภาพ" ปรากฏขึ้นมา ให้คลิกที่ "อัพโหลดภาพ"
และคลิกที่ Browse เลือกรูปภาพที่ต้องการจะให้ค้นหาอัพโหลดเข้าไป Google ก็จะค้นรูปภาพที่ตรงกัน แต่ที่มาต่างกัน หรือคนละขนาด หรือรูปที่คล้ายกันมาให้



หมายเหตุ : เราอาจถ่ายภาพจากภาพในหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือสิ่งพิมพ์อื่น นำขึ้นเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อใช้ในการค้นหาก็ได้ด้วย
วิธีที่ 2
การนำรูปภาพที่ Google ค้นหาจากคำ หรือวลี ให้เราแล้ว (ที่เราพิมพ์คำ หรือวลี เข้าไปในช่องค้นหา) นำมาหารูปภาพที่คล้ายกันให้อีกโดยนำเอาเมาส์วางไว้ที่รูปภาพนั้นๆ ให้ขยายใหญ่ขึ้น แล้วลากรูปภาพนั้นไปวางไว้ในกล่อง "ค้นด้วยภาพ" ที่มีข้อความว่า "วางภาพที่นี่" ก็ให้วางภาพนั้นตรงนั้น

7. ใช้ Language Tool ในการแปลภาษา
ปัญหาที่คนไทยส่วนใหญ่พบในการสืบค้น หรือหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทางอินเตอร์เน็ตนั่นกคือ ส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลภาษาอังกฤษ แต่ google สามารถช่วยทำให้ภาษาเหล่านั่นง่ายขึ้นด้วย “เครื่องมือแปลภาษา” ที่นอกจากจะแปลจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทยแล้ว ยังสามารถแปลเป็นภาษาอื่นๆ ได้อีกมากมาย ด้วยวิธีการง่ายๆ ดังต่อไปนี้คือ
วิธีที่ 1 : เข้าไปที่หน้าเว็บเพจพื้นฐาน www.google.com ให้คลิกที่แท็บแปลภาษา สามารถใส่ข้อความภาษาอังกฤษที่เราต้องการและพร้อมแปลเป็นภาษาไทย หรือจะเลือกเป็นภาษาอื่นๆ ก็ได้ตามต้องการ นอกจากนั้นยังสามารถคลิกฟังเสียงคำอ่าน จากสัญลักษณ์รูปไมโครโฟนได้อีกด้วย


วิธีที่ 2 : แปลหน้าเว็บทั้งหน้าเป็นภาษาของเราเองได้ทันที Google สามารถแปลเว็ปภาษา Italian, French, Spanish, German, และ Portuguese เป็น ภาษาอังกฤษ หรือภาษาไทยได้โดยคลิ้กที่คําวา "Translate this page" ด้านข้างชื่อเวป

8. Google search เครื่องคิดเลข
นอกจากจะค้นหาข้อมูลต่างๆ จากเวปไซต์ตามคำค้นที่ป้อนเข้าไปแล้ว ยังมีคุณสมบัติที่มีประโยชน์อีกอย่างหนึ่ง โดยเราสามารถแปลง Google ให้กลายมาเป็น “เครื่องคิดเลขแบบ Scientific” ได้ด้วยวิธีง่ายๆ เพียงแค่พิมพ์ตัวอักษร“PI” หรือคำว่า “calculator” ที่กล่องค้นหา Google Search ก็จะแสดงผลเป็น เครื่องคิดเลขแบบ Scientific มาให้เช่นเดียวกัน 

หากคุณขี้เกียจเปิด App เครื่องคิดเลขให้ยุ่งยากก็สามารถพิมพ์จำนวนตัวเลขที่เราต้องการคำนวนลงไปในช่องค้นหาของ Google Search ได้เลยเพียงแค่ใช้ตัวอักษรบนแป้นพิม + (บวก), - (ลบ), * (คูณ), / (หาร) และกด Enterเพียงเท่านี้ก็จะได้คำตอบ
9. ค้นหาคลังข้อมูลข่าวที่ย้อนกลับไปในช่วงกลางยุค 1880
“Google News” มีตัวเลือกในการค้นหาข่าวจากสำนักพิมพ์ต่างๆ จากทั่วโลก ย้อนกลับไปกว่า 100 ปี จาก“https://news.google.com” โดยคลิก “ข่าวสาร” จากหน้าเว็บเพจปกติของ Google ได้ทันที และสามารถพิมพ์คำค้นที่ต้องการได้ทันที โปรแกรมจะทำการเซิร์ทข้อมูลที่เป็นข่าวจากสำนักพิมพ์ทั้งหมด 

10.ค้นหาด้วยเสียงจาก 'Voice Search' 
หากคุณเบื่อที่จะพิมพ์ ลองค้นเว็บด้วยเสียงของคุณแทน ซึ่งเป็นวิธีค้นหาที่สะดวกในทุกที่ทุกเวลา เพียงแค่เปิดเบราเซอร์ Chorme คุณจะเห็นไมโครโฟนเล็กๆ สีเทา ปรากฎอยู่ตรงช่องที่ใส่คำค้นหา คลิกที่ไอคอนไมโครโฟน และพูดในสิ่งที่คุณต้องการค้นหาและรอสักครู่ ข้อมูลต่างๆ ก็จะปรากฏอยู่ตรงหน้าคุณทันที


ที่มา : 
-12 Tips and Tricks for Using Google Search
-11 Google Tricks That Will Change the Way You Search
ภาพประกอบจาก : Internet
ฝากข่าวประชาสัมพันธ์ได้ที่ : campus.mgr2014@gmail.com

ขอบคุณ: http://m.manager.co.th/Campus